บ้านหลังแรกหักภาษีไม่คึก! ปชป.ซัดนโยบายสับสน
งานบ้านและคอนโดเงียบ คนเมินมาตรการซื้อบ้านหักภาษี ด้าน ครม.เงา ซัดรัฐเปลี่ยนนโยบายไป ๆ มา ๆ ทำคนสับสน ชี้ปล่อยกู้ดอกเบี้ย 0% 3 ปี ให้บ้านหลังไม่เกินล้าน บ้านใน กทม.-คนส่วนใหญ่ไม่ได้ประโยชน์
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในงานมหกรรมบ้านและคอนโด ครั้งที่ 25 ซึ่งจัดไปเมื่อวันที่ 29 กันยายน-2 ตุลาคมที่ผ่านมา บรรยากาศกลับไม่คึกคักดังที่หลายฝ่ายคาดการณ์ไว้ โดยก่อนหน้านี้ คาดการณ์กันว่า จะมีผู้เข้าชมงานมากกว่า 1 แสนคน และมียอดขายทะลุ 3 พันล้านบาท ซึ่งได้จากอานิสงส์ของมาตรการหัดภาษีบ้านหลังแรก ราคาไม่เกิน 5 ล้านบาทที่รัฐบาลเข็นออกมาในช่วงก่อนการจัดงานพอดี
โดยนายสุกิจ ตรัยวนพงศ์ ประธานจัดงานมหกรรมบ้านและคอนโด ครั้งที่ 25 กล่าวว่า ตลอด 4 วันของการจัดงานมียอดจองในงานประมาณ 1,000 ล้านบาท ซึ่งผิดจากเป้าที่ตั้งไว้ถึง 3,000 ล้านบาท ขณะที่มีผู้เข้าชมงานเพียง 80,000 คน จากเดิมที่คาดว่าจะมีผู้เข้าชมงานถึง 100,000 คน และมีผู้ขอสินเชื่อจากธนาคารเพียง 1 หมื่นล้านบาท จากเดิมที่ตั้งเป้าไว้ 1.2 หมื่นล้านบาท โดยคาดว่า สาเหตุที่บรรยากาศการซื้อบ้านไม่คึกคักเท่าที่ควร เป็นเพราะมาตรการบ้านหลังแรกที่ให้หักภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาไม่จูงใจ ประชาชนเท่าไหร่นัก และประชาชนส่วนใหญ่ยังรอให้รัฐบาลออกมาตรการสินเชื่อดอกเบี้ย 0% ผนวกกับวิกฤตการณ์เศรษฐกิจในทวีปยุโรป และสถานการณ์น้ำท่วมภายในประเทศ ส่งผลให้คนชะลอการซื้อ
ขณะที่ผู้เข้าชมงานหลายคนก็ออกมาแสดงความคิดเห็นตรงกันว่า มาตรการบ้านหลังแรกที่หักภาษียังไม่จูงใจ และไม่ได้เป็นส่วนพิจารณาในการตัดสินใจว่าจะซื้อบ้านหรือไม่ อย่างเช่น นางสาวศุภวาภา อิทธิไกวัล พนักงานบริษัทเอกชน วัย 29 ปี ที่กล่าวว่า เตรียมจะซื้อคอนโดฯ ในงบประมาณ 2 ล้านบาทในเร็ว ๆ นี้ แต่มาตรการหักภาษีที่รัฐบาลออกมาก็ไม่ได้เป็นแรงจูงใจให้อยากซื้อเร็วขึ้น ยกเว้นแต่จะมีมาตรการดอกเบี้ย 0% ออกมา
เช่นเดียวกับนายจรัสพันธุ์ ปัญญาวุฒิวิทย พนักงานบริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง ที่จองคอนโดฯ ราคา 1.6 ล้านบาทภายในงาน กล่าวว่า มาตรการหักภาษีไม่ได้จูงใจให้ซื้อบ้านหลังแรก เพราะรายได้ต่อเดือนที่มียังไม่ถึงขั้นต้องเสียภาษี แต่ที่ตัดสินใจจองคอนโดฯ ในงานนี้ เพราะอยากมีคอนโดฯ เป็นของตัวเอง ไม่ได้เกี่ยวกับนโยบายของรัฐ
อย่าง ไรก็ตาม ภายหลังที่รัฐบาลออกมาตรการหักภาษีให้กับผู้ซื้อบ้านหลังแรก จนถูกหลายฝ่ายวิพากษ์วิจารณ์ว่า ไม่ได้เอื้อประโยชน์ให้คนชั้นล่างจนถึงคนชั้นกลางเท่าที่ควร ทำให้เมื่อวันที่ 4 ตุลาคมที่ผ่านมา ที่ประชุม ครม.ได้อนุมัติให้ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ปล่อยกู้ให้กับผู้ที่ยังไม่เคยมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง ในวงเงินรายละไม่เกิน 1 ล้านบาท โดยคิดอัตราดอกเบี้ยคงที่ 0% เป็นเวลา 3 ปี เพื่อให้ผู้ได้รับประโยชน์จากโครงการบ้านหลังแรกเพิ่มขึ้น ซึ่งการแก้ไขนโยบายดังกล่าว ก็ทำให้ ครม.เงา โดยพรรคประชาธิปัตย์ ออกมาแสดงความคิดเห็นถึงประเด็นทันที
โดยนายสรรเสริญ สมะลาภา รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังเงา กล่าวว่า การที่รัฐบาลเปลี่ยนแปลงรายละเอียดของโครงการบ้านหลังแรกแต่ละครั้ง ทำให้ประชาชนเกิดความสับสนเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะมาตรการล่าสุดที่จะให้ ธอส.ปล่อยสินเชื่อดอกเบี้ย 0% เป็นเวลา 3 ปี ให้กับบ้านที่มีมูลค่าไม่เกิน 1 ล้านบาท ทำให้ผู้ที่ต้องการซื้อบ้านในราคา 1-3 ล้านบาท ซึ่งมีสัดส่วนสูงถึง 60% ของจำนวนบ้านทั้งหมดไม่ได้รับความช่วยเหลือ จึงอยากให้รัฐบาลขยายสิทธิ์ให้ครอบคลุมทุกกลุ่ม และ ครม.ควรจะอนุมัติเรื่องฟรีค่าโอน และค่าจำนอง ดังที่พรรคเพื่อไทยเคยหาเสียงเอาไว้ด้วย
ด้าน นายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี โฆษก ครม.เงา กล่าวว่า นโยบายปล่อยกู้บ้านหลังแรกโดยให้ดอกเบี้ย 0% ระยะเวลา 3 ปี คล้ายกับที่รัฐบาลประชาธิปัตย์ทำไว้ แต่การให้สิทธิ์เฉพาะบ้านที่ไม่เกิน 1 ล้านบาท จะไม่เป็นประโยชน์ต่อผู้ที่จะซื้อบ้านใน กทม.และปริมณฑล เนื่องจากราคาบ้านโดยเฉลี่ยสูงกว่า 1 ล้านบาทแล้ว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในงานมหกรรมบ้านและคอนโด ครั้งที่ 25 ซึ่งจัดไปเมื่อวันที่ 29 กันยายน-2 ตุลาคมที่ผ่านมา บรรยากาศกลับไม่คึกคักดังที่หลายฝ่ายคาดการณ์ไว้ โดยก่อนหน้านี้ คาดการณ์กันว่า จะมีผู้เข้าชมงานมากกว่า 1 แสนคน และมียอดขายทะลุ 3 พันล้านบาท ซึ่งได้จากอานิสงส์ของมาตรการหัดภาษีบ้านหลังแรก ราคาไม่เกิน 5 ล้านบาทที่รัฐบาลเข็นออกมาในช่วงก่อนการจัดงานพอดี
โดยนายสุกิจ ตรัยวนพงศ์ ประธานจัดงานมหกรรมบ้านและคอนโด ครั้งที่ 25 กล่าวว่า ตลอด 4 วันของการจัดงานมียอดจองในงานประมาณ 1,000 ล้านบาท ซึ่งผิดจากเป้าที่ตั้งไว้ถึง 3,000 ล้านบาท ขณะที่มีผู้เข้าชมงานเพียง 80,000 คน จากเดิมที่คาดว่าจะมีผู้เข้าชมงานถึง 100,000 คน และมีผู้ขอสินเชื่อจากธนาคารเพียง 1 หมื่นล้านบาท จากเดิมที่ตั้งเป้าไว้ 1.2 หมื่นล้านบาท โดยคาดว่า สาเหตุที่บรรยากาศการซื้อบ้านไม่คึกคักเท่าที่ควร เป็นเพราะมาตรการบ้านหลังแรกที่ให้หักภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาไม่จูงใจ ประชาชนเท่าไหร่นัก และประชาชนส่วนใหญ่ยังรอให้รัฐบาลออกมาตรการสินเชื่อดอกเบี้ย 0% ผนวกกับวิกฤตการณ์เศรษฐกิจในทวีปยุโรป และสถานการณ์น้ำท่วมภายในประเทศ ส่งผลให้คนชะลอการซื้อ
ขณะที่ผู้เข้าชมงานหลายคนก็ออกมาแสดงความคิดเห็นตรงกันว่า มาตรการบ้านหลังแรกที่หักภาษียังไม่จูงใจ และไม่ได้เป็นส่วนพิจารณาในการตัดสินใจว่าจะซื้อบ้านหรือไม่ อย่างเช่น นางสาวศุภวาภา อิทธิไกวัล พนักงานบริษัทเอกชน วัย 29 ปี ที่กล่าวว่า เตรียมจะซื้อคอนโดฯ ในงบประมาณ 2 ล้านบาทในเร็ว ๆ นี้ แต่มาตรการหักภาษีที่รัฐบาลออกมาก็ไม่ได้เป็นแรงจูงใจให้อยากซื้อเร็วขึ้น ยกเว้นแต่จะมีมาตรการดอกเบี้ย 0% ออกมา
เช่นเดียวกับนายจรัสพันธุ์ ปัญญาวุฒิวิทย พนักงานบริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง ที่จองคอนโดฯ ราคา 1.6 ล้านบาทภายในงาน กล่าวว่า มาตรการหักภาษีไม่ได้จูงใจให้ซื้อบ้านหลังแรก เพราะรายได้ต่อเดือนที่มียังไม่ถึงขั้นต้องเสียภาษี แต่ที่ตัดสินใจจองคอนโดฯ ในงานนี้ เพราะอยากมีคอนโดฯ เป็นของตัวเอง ไม่ได้เกี่ยวกับนโยบายของรัฐ
อย่าง ไรก็ตาม ภายหลังที่รัฐบาลออกมาตรการหักภาษีให้กับผู้ซื้อบ้านหลังแรก จนถูกหลายฝ่ายวิพากษ์วิจารณ์ว่า ไม่ได้เอื้อประโยชน์ให้คนชั้นล่างจนถึงคนชั้นกลางเท่าที่ควร ทำให้เมื่อวันที่ 4 ตุลาคมที่ผ่านมา ที่ประชุม ครม.ได้อนุมัติให้ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ปล่อยกู้ให้กับผู้ที่ยังไม่เคยมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง ในวงเงินรายละไม่เกิน 1 ล้านบาท โดยคิดอัตราดอกเบี้ยคงที่ 0% เป็นเวลา 3 ปี เพื่อให้ผู้ได้รับประโยชน์จากโครงการบ้านหลังแรกเพิ่มขึ้น ซึ่งการแก้ไขนโยบายดังกล่าว ก็ทำให้ ครม.เงา โดยพรรคประชาธิปัตย์ ออกมาแสดงความคิดเห็นถึงประเด็นทันที
โดยนายสรรเสริญ สมะลาภา รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังเงา กล่าวว่า การที่รัฐบาลเปลี่ยนแปลงรายละเอียดของโครงการบ้านหลังแรกแต่ละครั้ง ทำให้ประชาชนเกิดความสับสนเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะมาตรการล่าสุดที่จะให้ ธอส.ปล่อยสินเชื่อดอกเบี้ย 0% เป็นเวลา 3 ปี ให้กับบ้านที่มีมูลค่าไม่เกิน 1 ล้านบาท ทำให้ผู้ที่ต้องการซื้อบ้านในราคา 1-3 ล้านบาท ซึ่งมีสัดส่วนสูงถึง 60% ของจำนวนบ้านทั้งหมดไม่ได้รับความช่วยเหลือ จึงอยากให้รัฐบาลขยายสิทธิ์ให้ครอบคลุมทุกกลุ่ม และ ครม.ควรจะอนุมัติเรื่องฟรีค่าโอน และค่าจำนอง ดังที่พรรคเพื่อไทยเคยหาเสียงเอาไว้ด้วย
ด้าน นายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี โฆษก ครม.เงา กล่าวว่า นโยบายปล่อยกู้บ้านหลังแรกโดยให้ดอกเบี้ย 0% ระยะเวลา 3 ปี คล้ายกับที่รัฐบาลประชาธิปัตย์ทำไว้ แต่การให้สิทธิ์เฉพาะบ้านที่ไม่เกิน 1 ล้านบาท จะไม่เป็นประโยชน์ต่อผู้ที่จะซื้อบ้านใน กทม.และปริมณฑล เนื่องจากราคาบ้านโดยเฉลี่ยสูงกว่า 1 ล้านบาทแล้ว
วันที่โพส์: 1 ธ.ค 2554 เข้าชม: 10,215 ครั้ง
แหล่มที่มา: